พิกัด 7 เทรนด์สีผมมงคล ปี2024! สีผมถูกโฉลกเสริมเสน่ห์ให้คุณ

อยากรู้ไหมว่าปีนี้ สีผมสีไหนจะช่วยเสริมดวงความรัก การงาน และการเงินให้ปังปุริเย่? เตรียมตัวอัปเดตเทรนด์สีผมมงคล 2567 ตามราศี เพราะนอกจากจะช่วยสร้างลุคใหม่ๆ สวยเก๋ ไม่ดูน่าเบื่อแล้ว ยังช่วยเสริมดวงให้ได้ผลลัพธ์ตรงใจอีกหัวข้อนี้เราได้รวบรวมสีผมมงคลสำหรับทั้ง 12 ราศี และแต่ละสีช่วยเสริมให้ชีวิตรุ่งเรือง บอกเลยว่าเปลี่ยนสีผมครั้งนี้ดวงปังแน่นอน พร้อมหรือยังไปดูสีผมมงคลตามราศีกันเลย!

1. สีผมมงคลราศีมังกร (15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์) : สีดำ สีน้ำตาลเข้ม สีเทา, สีเสริมดวง: สีดำเสริมดวงความรัก สีน้ำตาลเข้มเสริมดวงการงาน สีเทาเสริมดวงการงาน
2. สีผมมงคลราศีกุมภ์ (13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม) : สีขาว สีครีม สีแพลทินัมบลอนด์,สีเสริมดวง:  สีดำเสริมดวงความรัก สีน้ำตาลเข้มเสริมดวงการงาน สีเทาเสริมดวงการเงิน
3. สีผมมงคลราศีมีน (15 มีนาคม – 15 เมษายน): สีชมพู หรือสีขาว,สีเสริมดวง สีขาว สีครีม ด้านการเงิน, ด้านความรักสีแดงหรือสีแดงเข้มๆ เช่น สีแดงสด สีแดงกุหลาบ
4. สีผมมงคลราศีเมษ (16 เมษายน – 15 พฤษภาคม): สีแดง สีทอง สีน้ำตาลอ่อน,สีเสริมดวง: สีแดงช่วยเสริมดวงความรัก ชีวิตมีสีสัน สีทองเสริมดวงการเงิน สีน้ำตาลอ่อนเสริมดวงการงาน
5. สีผมมงคลราศีพฤษภ (16 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน): สีชมพู สีฟ้า สีเขียว,สีเสริมดวง: สีชมพู เสริมดวงความรัก สีฟ้าเสริมดวงการงาน สีเขียวเสริมดวงการเงิน
6. สีผมมงคลราศีเมถุน (16 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม): สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน,สีเสริมดวง: สีม่วงเสริมดวงความรัก สีน้ำตาลเข้มเสริมดวงการงาน สีน้ำตาลอ่อนเสริมดวงการเงิน
7. สีผมมงคลราศีกรกฏ (16 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม): สีเทา สีเงิน สีขาว,สีเสริมดวง: สีเทาเสริมดวงความรัก สีเงินเสริมดวงการงาน สีขาวเสริมดวงการเงิน
8. สีผมมงคลราศีสิงห์ (16 สิงหาคม – 15 กันยายน): สีทอง สีน้ำตาลทอง สีน้ำตาลอ่อน,สีเสริมดวง: สีทองเสริมดวงความรัก สีน้ำตาลทองเสริมดวงการงาน สีน้ำตาลอ่อนเสริมดวงการเงิน
9. สีผมมงคลราศีกันย์ (16 กันยายน – 15 ตุลาคม): สีน้ำตาลเข้ม สีดำ สีน้ำตาลอ่อน ,สีเสริมดวง: สีน้ำตาลเข้มเสริมดวงความรัก สีดำเสริมดวงการงาน สีน้ำตาลอ่อนเสริมดวงการเงิน
10. สีผมมงคลราศีตุลย์ (16 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน): สีชมพู สีฟ้า สีเขียว,สีเสริมดวง: สีชมพูเสริมดวงความรัก สีฟ้าเสริมดวงการงาน สีเขียวเสริมดวงการเงิน
11. สีผมมงคลราศีพิจิก (16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม): สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน,สีเสริมดวง: สีม่วงเสริมดวงความรัก สีน้ำตาลเข้มเสริมดวงการงาน สีน้ำตาลอ่อนเสริมดวงการเงิน
12. สีผมมงคลราศีธนู (16 ธันวาคม – 14 มกราคม): สีแดง สีทอง สีน้ำตาลอ่อน,สีเสริมดวง: สีแดงเสริมดวงความรัก สีทองเสริมดวงการเงิน สีน้ำตาลอ่อนเสริมดวงการงาน

หลายคนรู้สึกเบื่อสีผมเดิมๆ และอยากเปลี่ยนลุคให้ดูสดใส แต่ไม่อยากเสียเงินไปทำสีผมที่ร้าน ไม่ต้องกังวล! วันนี้เรามี 3 ไอเดียปรับลุคสีผมให้สดใสด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องง้อช่างหรือเสียเวลาไปรอคิวที่ร้าน และเป็นการสร้างกิจกรรมการดุแลตัวเองที่สนุก และประหยัดค่าใช้จ่าย รับรองได้ผมที่สวย และมีสไตล์มาดูกันเลย!

ไฮไลต์สีผม
เหมาะสำหรับคนที่มีผมสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม ควรเลือกสีไฮไลต์ที่สว่างกว่าสีผมพื้นฐาน 1-2 เฉด โดยสามารถไฮไลต์ได้หลายแบบ เช่น ไฮไลต์ช่อ ไฮไลต์ไล่เฉด หรือไฮไลต์แบบบลายด์ สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ยาย้อมผม ถ้วยผสม แปรงทาสี และกิ๊บติดผม

ทำสีผมแบบออมเบร
เหมาะสำหรับคนที่มีผมยาวปานกลางหรือยาว เป็นเทคนิคการไล่เฉดสีผมจากสีเข้มไปอ่อน สามารถเลือกเฉดสีได้หลากหลาย เช่น น้ำตาลทอง น้ำตาลอ่อน ชมพู ม่วง ฯลฯ สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ ได้แก่ยาย้อมผม ถ้วยผสม แปรงทาสี และฟอยล์

ทำสีผมแบบบบาลายาจ
เหมาะสำหรับคนที่มีผมยาว เป็นเทคนิคการย้อมสีผมแบบไล่เฉด โดยไม่ต้องใช้ฟอยล์ ช่วยให้ลุคดูเป็นธรรมชาติ มีมิติ สามารถเลือกเฉดสีได้หลากหลาย เช่น น้ำตาลทอง น้ำตาลอ่อน ชมพู ม่วง ฯลฯ สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ยาย้อมผม ถ้วยผสม แปรงทาสี และถุงมือ

สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันถึงเส้นผมที่เงางาม นุ่มสลวย ไร้ปัญหาผมเสีย แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันเราต้องผจญกับมลภาวะ ความร้อน สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ต่า ๆ ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายเส้นผมของเรา ตอนนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป วันนี้เรามี 10 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง โดยไม่ต้องเสียเงินไปบำรุงผมที่ร้าน มาดูวิธีง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง

1. สระผมอย่างพอดี: ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผมแห้งเสีย ควรสระผม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือตามความเหมาะสมของสภาพเส้นผม ควรเลือกแชมพูที่อ่อนโยน เหมาะกับสภาพเส้นผม และหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อนเพราะจะทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
2. บำรุงด้วยครีมนวดหรือทรีทเมนต์: ใช้ครีมนวดหรือทรีทเมนต์ทุกครั้งหลังสระผม โดยเน้นชโลมปลายผม ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. ไม่นอนหลับในขณะที่ผมเปียก: ควรไดร์ผมให้แห้งก่อนนอน และหลีกเลี่ยงการนอนหลับขณะที่ผมยังเปียกอยู่ เพราะอาจทำให้ผมเสีย ชี้ฟู
4.  เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม: เลือกแชมพู ครีมนวดและทรีทเมนต ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม รวมถึงหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง
5. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผม: ลดการใช้ไดร์เป่าผม  ที่หนีบผมหรือดัดผม แต่หากจำเป็นต้องใช้ความร้อนควรใช้สเปรย์กันความร้อนก่อน
6.  หมั่นเล็มปลายผมเป็นประจำ: ควรเล็มปลายผมทุกๆ 6-8 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ปลายผมไม่แตก ไม่ชี้ฟู
7.  ทานอาหารบำรุงเส้นผม: ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ รวมถึงรับประทานผักผลไม้ ถั่ว ธัญพืชและเนื้อสัตว์ เพื่อบำรุงร่างกายและเส้นผมให้แข็งแรง
8.  ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเพื่อช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้นและไม่แห้งเสีย
9.  นวดหนังศีรษะ: การนวดหนังศีรษะเบาๆ เป็นประจำช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และเป็นการกระตุ้นการงอกของเส้นผม
10. หลีกเลี่ยงความเครียด: เพราะความเครียดส่งผลเสียต่อสุขภาพเส้นผม จึงควรพยายามผ่อนคลาย หรือหาสาเหตุของความเครียดและแก้ไขให้ตรงจุด เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี สวยงาม โดยไม่ต้องเสียเงินไปบำรุงผมที่ร้าน!